การใช้ชีวิตของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มักมีเทรนด์ใหม่ๆเพื่อสุขภาพออกมาเสมอการมีร่างกายแข็งแรงและสุขภาพดีอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ฉะนั้นการหันมาดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีในแบบองค์รวมจึงได้รับความนิยมมากขึ้น Plant-Based Food อาหารกลุ่มโปรตีนที่ทำจากพืชธรรมชาติให้โปรตีนสูง เช่น ถั่ว,เห็ด,สาหร่าย,ข้าวโอ๊ต,อัลมอนด์,ธัญพืช,ฟักทอง เป็นต้น โดยจะนำวัตถุดิบเหล้านี้มาผสมผสานกับเทคโนโลยีเพื่อสร้างเป็นอาหารเลียนแบบให้มีทั้งรูป รสชาติ และกลิ่น ใกล้เคียงเนื้อสัตว์มากที่สุด
ข้อดีของการกิน Plant-Based
- ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนช่วยให้อิ่มนาน ไฟเบอร์สูง ย่อยง่าย อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันดี
- ส่งผลดีต่อการตวมคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้าย เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง
- ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญอย่างต่อเนื่อง
- ช่วยระงับการอักเสบของอวัยวะในร่างกาย มีส่วนสำคัญในการชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์
- ลดภาวะเรือนกระจก เนื่องจากอาหารไม่ผ่านการแปรรูปจากอุตสาหกรรม
ข้อควรระวังการกิน Plant-Based
- พิจารณาให้เหมาะสำหรับวัยที่กำลังเจริญเติบโต สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วย เป็นต้น
- สำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะมีบุตรยาก สารเจนิสทินในถั่วเหลืองเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความสามารถของอสุจิหรือสเปิร์มไปผสมกับไข่น้อยลง
- อาจมี oxalates สูง(สารมีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมแคลเซียมและแร่ธาตุ) ควรระวังในผู้ที่มีความเสี่ยงเกิดนิ่วในไต
- อาจเกิดความเสี่ยงในการขาดวิตามินสำคัญบางอย่าง เช่น วิตามิน B2 ที่พบได้ในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ในบางรายถ้ารับประทานโปรตีนไม่เพียงพอกับความต้องการร่างกาย อาจเกิดภาวะขาดโปรตีน กล้ามเนื้อลีบลง เล็บและผมไม่แข็งแรง ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เหนื่อย อ่อนเพลียง่าย
ดังนั้นหากใครต้องการรับประทาน Plant-Based Food อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาาสุขภาพ อย่าลืมจัดสรรอาหารและปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ และแร่ธาตุที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอควบคู่กันไปด้วย