ร่างกายและจิตใจของเราจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จะช้าหรือเร็วไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล ไม่จำเป็นว่าจะรอให้สูงวัยหรือชราภาพจึงเกิดการปรับเปลี่ยน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจนคือด้านร่างกายและจิตใจ
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
- ระบบอวัยวะรับรู้ต่างๆสมรรถภาพต่ำลง
- รับรู้รสและกลิ่นน้อยลง
- สายตายาวขึ้น
- การปรับสายตาต่อความมืดและความสว่างลดลง
- การได้ยินลดลง (ผู้ชายจะเสียการได้ยินมากกว่าผู้หญิง)
- ความจำเสื่อม หลงลืม
- จำนวนเซลล์สมองต่างๆเสียไป เพราะเซลล์สมองตายและลดจำนวนลงเรื่อยๆ
- ระบบการทางเดินหายใจ เนื้อปอดและหลอดลมของผู้สูงอายุจะมีลักษณะแข็งจากพังผืด การยืดหดของปอดเสื่อมสมรรถภาพ การแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง อาจมีหลอดลมอักเสบ เหนื่อย ไอ หอบหืด
- ระบบการการไหลเวียน กล้ามเนื้อหัวใจจะมีพังผืดและไขมันสะสมมากขึ้น การยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหัวใจลดลง หลอดเลือดหัวใจตีบจากภาวะผนังหลอดเลือดแข็งและหนาขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลง เกิดความดันโลหิตสูง ลิ้นหัวใจแข็งตีบปิดไม่สนิท อาจมีการเกาะตัวของแคลเซียมทำให้การทำงานของหัวใจเสื่อมถอยลง
- ระบบทางเดินปัสสาวะ อายุหลัง 30 ปี ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงไตลดลง ๑.๕ ต่อปี อายุ 60 ปีขึ้นไปจะลดลงครึ่งหนึ่ง
- ระบบต่อไร้ท่อ การลดลงของฮอร์โมน พบอาการเบาหวาน บางคนอาจเบื่ออาหาร กล้ามเนื้อลีบ กระดูกพรุน อ่อนเพลีย ซึมเศร้า ชีพจรช้าลงสัมผัสรับรู้ต่างๆช้าลง
- ระบบทางเดินอาหาร เยื่อบุทางเดินอาหารเสื่อมลง การหลั่งของน้ำย่อยต่างๆลดลง และดูดซึมอาหารได้ไม่ดี อาหารไม่ย่อย ท้องอืดเฟ้อ เบื่ออาหาร อาจเป็นสาเหตุให้มีภาวะเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารได้
การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจ
สมองเสื่อมตามวัย ความสามารถในการรับรู้และความเข้าใจลดลง ทั้งนี้บางคนอาจมีอาการมากหรือน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจำนวนเซลล์สมองที่ถูกทำลายไป จิตใจและอารมณ์ปลี่ยน ผู้สูงอายุต้องมีสุขภาพจิตที่ดี ป้องกันโรคซึมเศร้า วิตกกังวล หวาดระแวงสังคมและสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป แม้แต่สามีหรือภรรยาของผู้สูงอายุเอง ซึ่งต้องปรับสภาพจิตใจอย่างมากเช่นกัน ผู้ที่เคยทำงานประจำหรือทำงานตามบริษัท ห้างร้านแต่ต้องมาหยุดทำงาน นับเป็นภาวะที่ต้องปรับตัวเองทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมซึ่งต้องใข้เวลาไม่น้อย
ดังนั้นการเตรียมพร้อมเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจล่วงหน้าของผู้สูงอายุ มีความสำคัญ เพื่อจะได้เป็นผู้สูงวัยพึ่งพาตนเองได้ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข